การเข้าใจความแตกต่างของลูกค้าถือเป็นสิ่งสำคัญ เพราะเราจะได้ทำการตลาดแบบตรงใจลูกค้าได้ โดยบทความนี้จะพาทุกคนไปทำความรู้จักกับ Customer Generation
เข้าใจความต่าง Customer Generation เพื่อทำการตลาดแบบตรงจุด
ปัจจุบัน มีธุรกิจที่ขายสินค้าและบริการคล้าย ๆ กันเป็นจำนวนมาก ส่งผลให้ผู้บริโภคมีตัวเลือกมากมาย การเข้าใจกลุ่มเป้าหมายจึงเป็นสิ่งสำคัญที่ผู้ประกอบการมองข้ามไม่ได้ เพื่อที่จะได้รู้ว่าลูกค้าของเราชอบหรือไม่ชอบอะไร และสามารถนำเสนอผลิตภัณฑ์หรือออกแบบแคมเปญโฆษณาให้ตรงกับสิ่งที่ตอบโจทย์พวกเขามากที่สุด
อย่างที่หลายคนน่าจะรู้กันอยู่แล้วว่าเราจะแบ่งช่วงวัยของผู้คนออกเป็น Generation ซึ่งแต่ละเจนฯ ก็จะมีวัฒนธรรม พฤติกรรม รสนิยม และความสนใจที่แตกต่างกันออกไป บางช่วงวัยแทบไม่มีอะไรคาบเกี่ยวกันด้วยซ้ำ หรือที่เราเรียกกันว่าเป็น Generation Gap ดังนั้น การทำการตลาดแบบเหวี่ยงแหอาจไม่ใช่ทางออกที่ดีนัก ธุรกิจที่ต้องการประสบความสำเร็จจึงจำเป็นต้องเข้าใจสิ่งที่เรียกว่า “Customer Generation” หรือการแบ่งกลุ่มลูกค้าตามช่วงวัยให้ดีเสียก่อน เพื่อให้สามารถออกแบบกลยุทธ์การตลาดให้ตรงใจลูกค้าแต่ละเจนฯ
ทำความรู้จัก Customer Generation ทั้ง 5 ช่วงวัย
Baby Boomer (เกิดปี 1946-1964)
Baby Boomer หรือบางครั้งรู้จักในชื่อ คน Gen B รวม ๆ คือกลุ่มคนอายุ 60 ปีขึ้นไป เป็นกลุ่มที่เรียกได้ว่าผ่านร้อนผ่านหนาวมามาก มีประสบการณ์ชีวิตสูง จึงมักยึดแนวคิดของตนเองเป็นหลัก ชอบอะไรที่ตนเองมีความคุ้นเคย ทำเป็นกิจวัตร อยู่ในคอมฟอร์ตโซนมากกว่าจะเปิดใจให้อะไรใหม่ ๆ ในส่วนของการทำงาน คนเจนฯ นี้จะให้ความสำคัญกับความมั่นคงเป็นพิเศษ มีความทุ่มเท และอดทนสูง
ความสนใจของ Baby Boomer
- ชอบอ่านหนังสือพิมพ์ ฟังวิทยุ และดูโทรทัศน์มากกว่าเล่นสมาร์ตโฟนหรือคอมพิวเตอร์ สำหรับแบรนด์ที่มีเป้าหมายเป็นลูกค้ากลุ่มนี้ การทำการตลาดแบบดั้งเดิม (Traditional Marketing) จะได้ผลดีกว่าการตลาดออนไลน์
- Baby Boomer ที่เป็นชนชั้นกลางขึ้นไป มักชอปปิงในห้างสรรพสินค้า และเล่นโซเชียลมีเดียบ้างเล็กน้อย โดยแพลตฟอร์มที่นิยมมากที่สุดในคนกลุ่มนี้ คือ Facebook
- อย่างที่บอกว่า Baby Boomer ชอบอะไรที่ตนเองคุ้นเคย จึงมักเชื่อถือแบรนด์เก่าแก่ที่มีชื่อเสียงมานาน มากกว่าแบรนด์ที่เพิ่งเปิดตัวในยุคหลังมานี้
- เป็นวัยที่ให้ความสำคัญกับเรื่องสุขภาพและความปลอดภัย
- เน้นคุณภาพและความคุ้มค่าของสินค้ามากกว่ารูปลักษณ์และความสวยงาม
Generation X (เกิดปี 1965-1980)
เจนฯ นี้จะอายุมากรองลงมาจาก Baby Boomer คือประมาณ 44-59 ปี เติบโตมาในยุคแรก ๆ ของการมีเทคโนโลยี จึงมีความรู้ด้านการใช้เครื่องมือดิจิทัลอยู่บ้างแต่ไม่มาก อะไรใหม่ ๆ ที่เกิดขึ้นยุคหลังจะตามไม่ค่อยทัน ทว่าก็พอเรียนรู้ได้แบบค่อยเป็นค่อยไป ส่วนมากจะมีนิสัยรักอิสระ มองโลกในแง่ดี และชอบความสะดวกสบาย ในเรื่องการทำงานอาจไม่ได้เน้นเรื่องความทุ่มเทเท่า Boomer เพราะจะให้ความสำคัญกับความสมดุลระหว่างงานและชีวิตส่วนตัวมากกว่า
ความสนใจของ Generation X
- ชอบค้นหาข้อมูลออนไลน์ และนิยมใช้โซเชียลมีเดีย โดยเฉพาะ Facebook และ Instagram ตามลำดับ
- มีความสนใจในสินค้าที่มีฟังก์ชันครับครัน ตอบโจทย์การใช้ชีวิตยุคใหม่ เน้นสะดวกสบายเป็นหลัก
- บางคนอาจไม่ได้เชี่ยวชาญเรื่องเทคโนโลยีมาก แต่ถ้ามีสินค้าที่ผลิตจากนวัตกรรมใหม่ ๆ ใช้งานง่ายก็จะสนใจ
- ชอบซื้อของออนไลน์ แต่กระบวนการซื้อต้องไม่ซับซ้อน แพลตฟอร์มใช้งานง่าย
Generation Y (เกิดปี 1981-1996)
อายุประมาณ 28-43 ปี เป็นวัยที่เติบโตมากับเทคโนโลยี ทำให้เรียนรู้เรื่องใหม่ ๆ ได้ไว ปรับตัวได้ง่าย ชอบความทันสมัย รักอิสระ มีนิสัยชอบแชร์เรื่องราวบนโลกออนไลน์ ส่วนในด้านการทำงานจะชอบความท้าทาย ให้ความสำคัญกับประสบการณ์ ทำงานได้หลายอย่างพร้อมกัน มีความคิดสร้างสรรค์ และใฝ่หาความสำเร็จ
ความสนใจของ Generation Y
- นิยมใช้โซเชียลมีเดียหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น Facebook, Instagram หรือ TikTok
- ชอบสินค้าที่มีดิไซน์สวยงาม แปลกใหม่ เน้นความเป็นตัวของตัวเอง
- คนวัยนี้ทำงานเก่ง และกำลังมีความมั่นคงในชีวิตพอสมควร สินค้าที่เกี่ยวข้องกับการอำนวยความสะดวกในการทำงาน แม้มีราคาสูงแต่ก็จ่ายไหว
- เป็นวัยที่เริ่มหันมาใส่ใจสุขภาพอย่างจริงจัง
- แบรนด์ที่มีจุดยืนชัดเจนจะได้รับความสนใจจากคนเจนฯ นี้มากเป็นพิเศษ
Generation Z (เกิดปี 1997-2012)
คน Generation Z จะมีอายุระหว่าง 12-27 ปีโดยประมาณ เจนฯ นี้จะเติบโตมากับโลกดิจิทัลอย่างเต็มรูปแบบ ทำให้เสพติดการเล่นอินเทอร์เน็ต จึงอาจกล่าวได้ว่า Generation Z เป็นกลุ่มคนหมู่มากบนโลกออนไลน์เลยทีเดียว เมื่อเติบโตมาพร้อมกับความสะดวกเช่นนี้ ทำให้คนเจนฯ นี้รักสบาย ชอบความรวดเร็ว ต้องการแสดงออกถึงตัวตนและอยากได้การยอมรับจากสังคม
ความสนใจของ Generation Z
- เล่นโซเชียลมีเดียทุกประเภท ที่นิยมได้แก่ Instagram, X, YouTube และ TikTok ส่วน Facebook จะเล่นน้อยที่สุด
- ให้ความใส่ใจสิ่งแวดล้อม แบรนด์ไหนที่มีจุดยืนรักษ์โลกจะได้รับความสนใจเป็นพิเศษ
- ชื่นชอบในนวัตกรรมใหม่ ๆ เช่น Metaverse, VR/AR
- สำหรับแบรนด์ที่มีเป้าหมายเป็นลูกค้า Generation Z ควรใช้วิธีทำการตลาดออนไลน์จะได้ผลดีที่สุด เพราะคนวัยนี้เล่นอินเทอร์เน็ตมากกว่าดูทีวี
- เป็นวัยที่มีจุดยืนเป็นของตนเองชัดเจน และจะให้ความสนใจแบรนด์ที่มีจุดยืนเดียวกัน
- ควรทำ Personalized Marketing กับคนเจนฯ นี้ ยิ่งมีโปรโมชันจะยิ่งดึงดูดได้มาก
Alpha (เกิดปี 2013-ปัจจุบัน)
Alpha คือกลุ่มคนตั้งแต่อายุ 11 ปีลงไป เป็นเจนฯ แรกที่เกิดมาในยุคที่เทคโนโลยีและดิจิทัลกำลังเฟื่องฟู เรียกได้ว่าเป็นกลุ่มที่มี Generation Gap กับเจนฯ อื่น ๆ มากที่สุด เพราะมีสิ่งที่เคยดูเหมือนจะเป็นไปไม่ได้ในเจนฯ ก่อน ๆ หน้าเกิดขึ้นในช่วงนี้มากมายไปหมด แต่นิสัยก็จะมีความคล้าย Generation Z อยู่บ้าง คือ ชอบความรวดเร็ว สะดวกสบาย ต้องการการยอมรับจากสังคม และสามารถใช้เครื่องมือดิจิทัลต่าง ๆ ได้อย่างคล่องแคล่ว นอกจากนี้ Alpha จะมีความเป็นตัวของตัวเองสูงมาก ไม่ชอบอะไรที่มีมาแต่เดิม ชอบคิดค้นสิ่งใหม่มากกว่า
ความสนใจของ Alpha
- รูปลักษณ์และความสวยงามของสินค้ามีผลมากกว่าความคุ้มค่าในระยะยาว หรือชื่อเสียงของแบรนด์
- สินค้าที่ใช้นวัตกรรมใหม่ ๆ จะดึงดูดความสนใจได้มาก
- เนื้อหาที่ใช้ทำโฆษณาต้องมีความสดใหม่ น่าสนใจ และสะดุดตาจริง ๆ
- สามารถใช้ได้ทั้ง Traditional Marketing และ Digital Marketing เพราะสำหรับวัยที่เด็กมาก ๆ อาจจะสังเกตเห็นภาพสินค้าจากข้างทางได้มากกว่าในอินเทอร์เน็ต
Customer Generation สิ่งที่แบรนด์ต้องวิเคราะห์ก่อนเข้าไปอยู่ในใจผู้บริโภค
และทั้งหมดนี้ก็คือ Customer Generation ทั้ง 5 ช่วงวัยที่แตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับว่าแบรนด์ไหนต้องการเจาะกลุ่มลูกค้าวัยใด ก็ทำความเข้าใจพฤติกรรมของกลุ่มนั้น ๆ ให้ถ่องแท้ เพื่อที่จะได้นำข้อมูลมาวางแผนการตลาดได้อย่างมีประสิทธิภาพ
อยากทำการตลาดให้โดนใจกลุ่มเป้าหมาย แต่ยังไม่รู้ว่าจะเริ่มอย่างไรดีใช่ไหม ปรึกษากับ Jenosize ได้เลยวันนี้ เพราะเรามีทีมที่ปรึกษาเชิงยุทธศาสตร์ พร้อมช่วยคุณออกแบบกลยุทธ์การตลาดที่ตรงใจ และสร้างผลลัพธ์ทางธุรกิจที่ยั่งยืน