Brand Awareness มีกี่ระดับ ? เผยกลยุทธ์สร้างแบรนด์ให้ติดตลาด
เมื่อต้องการซื้อน้ำอัดลม หลายคนมักจะนึกถึง Coca-Cola หรือ Pepsi เป็นอันดับแรก หรือเมื่อต้องการค้นหาข้อมูลบนอินเทอร์เน็ต Google ก็มักจะเป็นตัวเลือกแรกที่ผุดขึ้นมาในความคิดเสมอ นี่คือพลังของ “Brand Awareness” ที่แข็งแกร่ง ที่ทำให้แบรนด์เหล่านี้ครองใจผู้บริโภคมาได้อย่างยาวนาน
ทว่ายุคปัจจุบันนี้ การสร้าง Brand Awareness มีความท้าทายมากขึ้นกว่าที่เคย ด้วยช่องทางการสื่อสารที่หลากหลายขึ้น แล้วไหนจะพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ไปจนถึงการแข่งขันกันอย่างดุเดือดในแวดวงการตลาด แบรนด์จึงจำเป็นต้องเข้าใจว่า Brand Awareness มีอะไรบ้าง และมีกี่ระดับที่ต้องค่อย ๆ ไต่เต้าขึ้นไป
เท้าความกันสักนิด Brand Awareness คืออะไร ?
Brand Awareness แปลว่า การรับรู้แบรนด์ ซึ่งหมายถึงระดับความสามารถของผู้บริโภคในการจดจำและระบุตัวตนของแบรนด์ได้ผ่านองค์ประกอบต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นชื่อ โลโก้ สโลแกน หรือคุณลักษณะเฉพาะที่โดดเด่นของแบรนด์นั้น ๆ
สาเหตุที่ธุรกิจต้องให้ความสำคัญกับ Brand Awareness Strategy เนื่องจากการรับรู้แบรนด์เปรียบเสมือนสะพานเชื่อมระหว่างผู้บริโภคกับแบรนด์ ผ่านการสร้างความประทับใจและความทรงจำที่ดี จนเกิดเป็นความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นในระยะยาว โดยการรับรู้นี้อาจเกิดขึ้นได้จากหลายช่องทาง เช่น การพบเห็นโฆษณา การได้ยินคำบอกเล่า หรือประสบการณ์ตรงจากการใช้สินค้าและบริการ
Brand Awareness มีกี่ระดับ ?
การรับรู้แบรนด์ไม่ได้เกิดขึ้นในทันที แต่จะมีการพัฒนาเป็นระดับขั้นที่แตกต่างกัน โดยแบ่งออกเป็น 4 ระดับหลัก ดังนี้
ระดับที่ 1 : Zero Awareness จุดเริ่มต้นของทุกแบรนด์
จุดเริ่มต้นที่ทุกแบรนด์ต้องเผชิญ คือ ภาวะที่ผู้บริโภคยังไม่รู้จักแบรนด์เลย เปรียบเสมือนการเป็นคนแปลกหน้าในตลาด ซึ่งเป็นความท้าทายที่สำคัญสำหรับแบรนด์ใหม่ที่ต้อง
- สร้างการรับรู้เกี่ยวกับการมีตัวตนของแบรนด์
- แนะนำตัวเองให้ผู้บริโภครู้จักผ่านช่องทางต่าง ๆ
- วางแผนการตลาดเพื่อสร้างการจดจำในเบื้องต้น
ระดับที่ 2 : Brand Recognition รู้จักหรือจำได้ทันทีเมื่อเห็น
Brand Awareness ระดับนี้ ผู้บริโภคจะเริ่มจดจำแบรนด์ได้เมื่อได้เห็นหรือได้ยิน แต่อาจยังไม่ถึงขั้นสามารถนึกถึงได้เองโดยอัตโนมัติ โดยลักษณะของการจดจำได้ เช่น
- ผู้บริโภคสามารถจำโลโก้ สี หรือการออกแบบที่เป็นเอกลักษณ์ของแบรนด์ได้
- เกิดความคุ้นเคยเมื่อเห็นสินค้าบนชั้นวางในร้านค้า
- เริ่มเชื่อมโยงแบรนด์กับประเภทสินค้าหรือบริการได้
ระดับที่ 3 : Brand Recall เป็นแบรนด์ที่ถูกนึกถึงเมื่อต้องการ
ระดับที่ผู้บริโภคสามารถนึกถึงแบรนด์ได้เอง โดยไม่ต้องมีตัวช่วยกระตุ้นความจำอย่างสินค้า โลโก้ หรือสื่อโฆษณาใด ๆ หรือจะเรียกว่าเป็นการจดจำที่ฝังลึกในความทรงจำระยะยาวก็ไม่ผิดนัก
- ผู้บริโภคสามารถระบุชื่อแบรนด์ได้เมื่อนึกถึงประเภทสินค้านั้น ๆ
- แบรนด์มักอยู่ในตัวเลือกที่ผู้บริโภคพิจารณาเมื่อต้องการซื้อสินค้า
- มีความเข้าใจในคุณค่าและจุดเด่นของแบรนด์
ระดับที่ 4 : Top of Mind อันดับหนึ่งในใจลูกค้า
การเป็นแบรนด์อันดับหนึ่งในใจผู้บริโภค ถือเป็นจุดสูงสุดของการสร้าง Brand Awareness ที่ทุกธุรกิจใฝ่ฝันจะไปให้ถึง เพราะเมื่อแบรนด์สามารถก้าวขึ้นมาอยู่ในระดับนี้ได้ ก็หมายความว่าธุรกิจของคุณได้กลายมาเป็นตัวแทนของสินค้าหรือบริการในหมวดหมู่นั้น ๆ ไปโดยปริยาย
- เป็นแบรนด์แรกที่ผู้บริโภคนึกถึงในหมวดหมู่สินค้านั้น ๆ
- ได้รับความไว้วางใจและความภักดีจากผู้บริโภค
- มีอิทธิพลต่อการตัดสินใจซื้อสูง
- สามารถกำหนดทิศทางตลาดและมีอำนาจต่อรองทางธุรกิจสูง
กลยุทธ์การสร้าง Brand Awareness มีอะไรบ้าง ?
ค้นหาจุดยืนที่ชัดเจน
การกำหนดจุดยืนที่ชัดเจน เป็นรากฐานสำคัญในการสร้างแบรนด์ให้แข็งแกร่ง โดยต้องพิจารณาองค์ประกอบต่าง ๆ ดังนี้
- การวิเคราะห์ตลาดและคู่แข่ง ด้วยการศึกษาช่องว่างทางการตลาดที่ยังไม่มีใครตอบโจทย์ พร้อมทั้งวิเคราะห์จุดแข็งและจุดอ่อนของคู่แข่ง แล้วค้นหาโอกาสในการสร้างความแตกต่าง
- การทำความเข้าใจกลุ่มเป้าหมาย ผ่านการศึกษาพฤติกรรมและความต้องการของลูกค้า ทำความเข้าใจปัญหาและความท้าทายที่กลุ่มเป้าหมายเผชิญ ตลอดจนสามารถระบุคุณค่าที่ลูกค้าให้ความสำคัญได้
- การกำหนดคุณค่าหลักของแบรนด์ ต้องสร้างจุดยืนที่แตกต่างและโดดเด่น กำหนดพันธกิจและวิสัยทัศน์ที่ชัดเจน รวมถึงสร้างคุณค่าที่สอดคล้องกับความต้องการของตลาด
สร้าง Brand Identity ที่แข็งแกร่ง
Brand Identity หรืออัตลักษณ์ของแบรนด์ ต้องสามารถสื่อสารบุคลิกและคุณค่าของแบรนด์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ไม่ว่าจะเป็น
- องค์ประกอบด้านภาพ ได้แก่ โลโก้ที่จดจำง่ายและสื่อความหมาย ชุดสีที่เป็นเอกลักษณ์ และสไตล์การออกแบบที่สอดคล้องกับคุณค่าแบรนด์
- องค์ประกอบด้านการสื่อสาร ได้แก่ โทนเสียงและบุคลิกในการสื่อสาร สโลแกนที่จับใจและจดจำง่าย ไปจนถึงภาษาและรูปแบบการนำเสนอที่เป็นเอกลักษณ์
เล่าเรื่องราวของแบรนด์
การเล่าเรื่องราว (Storytelling) ที่น่าสนใจจะช่วยสร้างความผูกพันกับผู้บริโภคได้ดี ซึ่งต้องประกอบไปด้วยปัจจัยต่อไปนี้
- องค์ประกอบของเรื่องราวที่ดี เช่น ที่มาและแรงบันดาลใจของแบรนด์ คุณค่าและความเชื่อที่แบรนด์ยึดถือ หรือพันธกิจที่มีต่อลูกค้าและสังคม
- การสร้างความเชื่อมโยงทางอารมณ์ เช่น การแบ่งปันประสบการณ์และความสำเร็จ การนำเสนอเรื่องราวของลูกค้าที่ประทับใจ หรือการสร้างแรงบันดาลใจผ่านการเล่าเรื่อง
ใช้เทคนิคการตลาดที่หลากหลาย
ในการทำการตลาดไม่จำเป็นต้องใช้เทคนิคใดเทคนิคหนึ่ง แต่คุณสามารถผสมผสานเครื่องมือการตลาดต่าง ๆ เพื่อให้เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นได้ ไม่ว่าจะเป็น
- การประชาสัมพันธ์ (PR) เช่น การสร้างข่าวสารที่น่าสนใจ การจัดกิจกรรมที่สร้างการมีส่วนร่วม หรือการสร้างความสัมพันธ์กับสื่อมวลชน
- การทำ SEO ได้แก่ การพัฒนาเนื้อหาที่ตอบโจทย์ผู้อ่านและ Search Engine การปรับแต่งเว็บไซต์ให้ติดอันดับการค้นหา และการสร้างลิงก์ (Backlink) ที่มีคุณภาพ
- Social Media Content ด้วยการสร้างเนื้อหาที่น่าสนใจและกระตุ้นให้เกิดการแชร์ต่อ โดยใช้รูปแบบการนำเสนอที่หลากหลาย และหมั่นสร้างการมีส่วนร่วมกับผู้ติดตามเป็นประจำ
ดังนั้น จงจำไว้ว่าการสร้าง Brand Awareness Strategy ที่ดีต้องอาศัยการผสมผสานระหว่างความคิดสร้างสรรค์ ความสม่ำเสมอ และความเข้าใจในพฤติกรรมผู้บริโภค หากสามารถทำได้ครบถ้วน แบรนด์ของคุณก็จะไม่เพียงแค่เป็นที่รู้จัก แต่จะกลายเป็นแบรนด์ที่ผู้บริโภคเลือกเป็นอันดับแรกในระยะยาวอย่างแน่นอน
Loading...