< Back

Digital Transformation คืออะไร ไม่รีบเข้าใจวันนี้อาจตกขบวน !

what is digital transformationdigital transformation คือ
AD
โดย:Jenosize.com
share189share0

Digital Transformation คืออะไร ถ้าไม่อยากตกยุคต้องรู้ !

ในยุคปัจจุบัน เทคโนโลยีและดิจิทัลมีบทบาทสำคัญต่อชีวิตประจำวันของมนุษย์อย่างมาก ผู้คนใช้เทคโนโลยีเพื่อติดต่อสื่อสาร หาข้อมูล ทำงาน และความบันเทิง ไม่ว่าจะทำอะไรก็ต้องพึ่งพาสิ่งเหล่านี้ไปเสียหมด หากโลกนี้ไม่มีอินเทอร์เน็ตเราคงใช้ชีวิตกันไม่ได้แล้ว

ดังนั้น ธุรกิจต่าง ๆ จึงจำเป็นต้องปรับตัวตามกระแสเทคโนโลยีเพื่อความทันสมัยและความอยู่รอด ซึ่งการทำความเข้าใจ Digital Transformation จะช่วยให้ธุรกิจของเราสามารถก้าวทันโลกยุคดิจิทัล และประสบความสำเร็จได้ท่ามกลางการแข่งขันที่สูง หรืออย่างน้อย ๆ ก็ไม่ตกขบวนและล้าหลังใคร

มาดูกันว่า Digital Transformation คืออะไรและสำคัญอย่างไร !


Digital Transformation คืออะไร

Digital Transformation คือ การนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาปรับใช้กับกระบวนการทำงานและกลยุทธ์ทางการตลาด โดยมีเป้าหมายหลักเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน ทำให้ได้ผลผลิตที่มากขึ้น เสริมสร้างประสบการณ์ที่ดีและสะดวกสบายแก่ลูกค้า (Customer Experience) อัปเกรดให้องค์กรมีความทันสมัย ตลอดจนสร้างโอกาสใหม่ ๆ ทางธุรกิจ


ตัวอย่างการนำ Digital Transformation มาปรับใช้กับธุรกิจ เช่น การเปลี่ยนจากการเก็บพวกเอกสารที่อยู่ในรูปแบบกระดาษ หรือ Hard Copy มาเป็นเอกสารออนไลน์แทน การใช้แพลตฟอร์มประชุมออนไลน์อย่าง Zoom, Google Meet, MS Team เพื่อประชุมกับลูกค้า หรือประชุมทีมโดยที่ไม่ต้องเดินทางมาเจอหน้ากันแบบ Face to Face หรือแม้แต่การเปลี่ยนจากการรับเงินสดมาเป็นรับโอนเงิน สแกนคิวอาร์โคด และบัตรเครดิตแทน ซึ่งเคส Digital Transformation เหล่านี้จะเห็นได้ชัดในช่วงเกิดโรคระบาดโควิด-19 ที่ผู้คนไม่สามารถออกจากบ้านไปไหนได้ ทำให้ต้องพึ่งพาเทคโนโลยีดิจิทัลในการใช้ชีวิตมากขึ้น และเมื่อโรคซาลง สังคมของเราก็ไม่ได้เปลี่ยนแปลงกลับมาเป็นเหมือนเดิมก่อนที่จะมีโรคระบาด ซ้ำยังมีเทคโนโลยีใหม่ ๆ ที่ได้รับการพัฒนาอยู่เรื่อย ๆ ทุกวัน จึงแทบเป็นไปไม่ได้เลยที่ธุรกิจที่ต้องการอยู่รอดในยุคนี้จะไม่หยิบสิ่งเหล่านี้มาปรับใช้ในองค์กร


ความสำคัญของ Digital Transformation คืออะไร

นอกจากจะช่วยให้ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นแล้ว Digital Transformation ยังช่วยลดค่าใช้จ่ายขององค์กรได้ด้วย เช่น ก่อนหน้านี้เราต้องจ้างแอดมินมาช่วยตอบแชตจำนวนมากเพื่อให้สอดคล้องกับความต้องการของลูกค้า แต่ปัจจุบัน เรามีเทคโนโลยีแชตบอตที่ช่วยตอบคำถามที่พบบ่อย ไขข้อสงสัยของลูกค้าได้ตลอด 24 ชั่วโมง จึงไม่จำเป็นต้องจ้างคนเยอะเท่าเดิมแล้ว หรือการเปิดโอกาสให้พนักงานสามารถทำงานอยู่ที่ไหนก็ได้ (Work From Anywhere) ก็จะช่วยประหยัดค่าไฟ ค่าแอร์ออฟฟิศลงไปได้มาก และไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายในการรีโนเวตเพื่อขยายพื้นที่เวลารับพนักงานจำนวนเยอะขึ้นด้วย


ที่สำคัญ Digital Transformation ยังช่วยให้องค์กรของเราดูทันสมัย สามารถอำนวยความสะดวกให้แก่ลูกค้ายุคใหม่ได้อย่างเต็มที่ เช่น การรับโอนเงิน การสร้างเว็บไซต์ให้ลูกค้าสามารถชอปปิงออนไลน์จากที่ไหนก็ได้ในโลก การมีระบบให้ลูกค้าสั่งอาหารผ่านคิวอาร์โคด เป็นต้น ซึ่งเทคโนโลยีเหล่านี้จะช่วยให้ผู้บริโภครู้สึกว่าได้รับประสบการณ์ที่ดีจากแบรนด์ และอยากกลับมาอุดหนุนซ้ำอีก อันจะเป็นการเพิ่มโอกาสในการสร้าง Customer Loyalty ได้สำเร็จ และกระตุ้นให้เกิดยอดขายที่มากขึ้นด้วย


แนวทางการปรับใช้ Digital Transformation กับธุรกิจ


กำหนดกลยุทธ์ของแบรนด์ให้แน่ชัด

ก่อนจะนำเทคโนโลยีดิจิทัลใด ๆ มาปรับใช้ แบรนด์ควรมีเป้าหมายและวิสัยทัศน์ที่ชัดเจนก่อน ว่าต้องการอะไรจากการทำ Digital Transformation โดยอาจเริ่มจากการทำ SWOT หรือการวิเคราะห์จุดแข็ง จุดอ่อน โอกาส และอุปสรรคของธุรกิจ เพื่อให้รู้จักตนเองมากขึ้น จากนั้นก็กำหนดกลยุทธ์ของแบรนด์ที่สอดคล้องกับข้อมูลดังกล่าว


ตัวอย่างเช่น ธุรกิจร้านเสื้อผ้า มีเป้าหมายคือ ต้องการเพิ่มยอดขาย ขยายฐานลูกค้า และสร้าง Customer Experience ที่ดี ซึ่งจากการวิเคราะห์ธุรกิจแล้วพบว่า ตนเองมีจุดแข็ง คือ สินค้ามีคุณภาพสูง ราคาจับต้องได้ แต่จุดอ่อน คือ ยังไม่มีระบบสั่งซื้อสินค้าออนไลน์ ดังนั้น จึงกำหนดกลยุทธ์ในการพัฒนาระบบการซื้อสินค้าออนไลน์ โดยอาจเป็นเว็บไซต์ โซเชียลมีเดีย หรืออีคอมเมิร์ซตามความเหมาะสม


เลือกเทคโนโลยีที่เหมาะสมกับธุรกิจ

ความเหมาะสมที่ว่านี้ ครอบคลุมถึงประเภทของธุรกิจ ขนาดธุรกิจ และงบประมาณ โดยพิจารณาควบคู่กับเทคโนโลยีที่มีอยู่ในปัจจุบัน ตลอดจนเทคโนโลยีที่กำลังจะเกิดขึ้นในอนาคตด้วย

ตัวอย่างเช่น ธุรกิจขายคอนโดฯ เลือกใช้ช่องทางเว็บไซต์เพื่อพัฒนาระบบการจองออนไลน์ และเพิ่มระบบการเยี่ยมชมห้องแบบ 360 องศาผ่านเว็บไซต์ เพื่อให้ลูกค้าเห็นภาพก่อนจะตัดสินใจมาชมของจริง เป็นต้น


เพิ่มพูนความรู้และพัฒนาทักษะบุคลากร

เมื่อนำ Digital Transformation มาปรับใช้แล้ว ก็อย่าลืมสนับสนุนคอร์สเพิ่มพูนความรู้และพัฒนาทักษะแก่บุคลากรด้วย เพราะสำหรับบางคน เทคโนโลยีอาจเป็นเรื่องใหม่และไม่ใช่ว่าอยู่ ๆ จะทำความเข้าใจได้เลย เพื่อให้บุคลากรสามารถมอบประสบการณ์ที่ดีแก่ลูกค้าของเราได้ ผู้ประกอบการจึงจำเป็นต้องให้ความสำคัญในส่วนนี้ เช่น ฝึกอบรมเกี่ยวกับการให้บริการลูกค้าทางออนไลน์ หรือการใช้ระบบเว็บไซต์ขององค์กร เป็นต้น


ติดตามและประเมินผลอย่างสม่ำเสมอ

เนื่องจากเทคโนโลยีเปลี่ยนแปลงได้ทุกวัน อะไรที่เคยใช้ได้ผลวันนี้ อาจใช้ไม่ได้ผลในวันข้างหน้า ดังนั้น ธุรกิจจึงควรติดตามและประเมินผลการดำเนินงาน เพื่อนำข้อมูลมาปรับปรุงและพัฒนา Digital Transformation ในองค์กรให้ดียิ่งขึ้น เช่น ติดตามผลยอดขายออนไลน์ จำนวนลูกค้า ตรวจสอบความพึงพอใจของลูกค้า ประเมินว่าแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซยังคงมีประสิทธิภาพดีหรือไม่ เป็นต้น


จะเห็นได้ว่า Digital Transformation คือเรื่องจำเป็นอย่างมากสำหรับการทำงานในปัจจุบัน เนื่องจากโลกของเราเปลี่ยนไปแล้ว จากที่เคยจดข้อมูลในกระดาษก็เปลี่ยนมาเป็นบันทึกไว้ในคอมพิวเตอร์ หรือจดลงไอแพด จากที่เคยใช้เงินสดมาตลอด ตอนนี้บางร้านก็ไม่รับเงินสดแล้ว จากที่ต้องเคยเข้าออฟฟิศทุกวัน กลายเป็นว่าตอนนี้สามารถทำงานที่ไหนก็ได้แค่มีอุปกรณ์ดิจิทัล ซึ่งบอกได้เลยว่า ในอนาคตอาจมีการเปลี่ยนแปลงมากกว่านี้ หากองค์กรไม่ปรับตัว อาจจะถูกลูกค้าทิ้งและสูญเสียโอกาสทางธุรกิจได้ในที่สุด


ธุรกิจที่ต้องการก้าวทันโลกยุคดิจิทัล ติดต่อเจโนไซส์ได้เลยวันนี้ เพราะเราคือผู้เชี่ยวชาญด้าน Technology Solution ที่พร้อมให้บริการออกแบบและติดตั้งระบบ Digital Transformation ที่เหมาะสมกับธุรกิจของคุณ ให้คุณสามารถบรรลุเป้าหมายและสร้างผลลัพธ์ได้ดีกว่าที่เคย

Related Content

ร่วมเปิดกล่องโอกาส
แห่งอนาคตด้วยกัน

Contact

Brief Us

ง่ายและรวดเร็ว
เราจะติดต่อกลับภายใน 24 ชั่วโมง

facebook chat

คุยกับทีมฝ่ายขาย

ให้บริการ จันทร์ถึงศุกร์
9:00 น. - 19:00 น.

mobile

โทรติดต่อฝ่ายขาย

ให้บริการ จันทร์ถึงศุกร์
9:00 น. - 19:00 น.