ทำความเข้าใจ PACE Framework กลยุทธ์มัดใจลูกค้าบน TikTok
ปัจจุบัน แทบจะไม่มีแบรนด์ไหนไม่ทำการตลาดออนไลน์ เพราะช่องทางนี้ถือว่ามีประสิทธิภาพมากที่สุดในการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายยุคใหม่ และ TikTok ก็ถือเป็นหนึ่งในแพลตฟอร์มที่ทรงพลังอย่างมากในการทำการตลาด โดยเฉพาะหากคุณมีกลุ่มเป้าหมายเป็นคน Gen Z และ Millennials
วันนี้ เราจะพาคุณไปทำความรู้จักกับ “PACE Framework” ซึ่งเป็นกลยุทธ์ที่ออกแบบมาเพื่อช่วยให้แบรนด์สามารถสร้างแคมเปญการตลาดบน TikTok ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ไปดูกันเลยว่าแนวคิดนี้คืออะไรและมีประโยชน์อย่างไร !
PACE Framework คืออะไร ?
PACE Framework คือ กรอบแนวคิดที่ประกอบด้วย 4 องค์ประกอบหลัก ซึ่งช่วยให้แบรนด์สามารถวางแผนการตลาดบน TikTok ได้อย่างเป็นระบบ จนนำไปสู่ยอดขายที่เพิ่มขึ้นได้ โดยมีรายละเอียดดังนี้
1. P - Persona (การทำความเข้าใจกลุ่มเป้าหมาย)
Persona ใน PACE Framework คือ การที่แบรนด์ต้องทำความเข้าใจอย่างลึกซึ้งเกี่ยวกับพฤติกรรม ความต้องการ และลักษณะของกลุ่มเป้าหมายบน TikTok อย่างละเอียด ซึ่งเป็นขั้นตอนสำคัญในการวางแผนกลยุทธ์การตลาดที่มีประสิทธิภาพ โดยการสร้าง Persona ที่ชัดเจนจะช่วยให้แบรนด์สามารถออกแบบเนื้อหาและแคมเปญที่ตรงใจกลุ่มเป้าหมายได้มากขึ้น
ในการสร้าง Persona ที่มีประสิทธิภาพ แบรนด์ควรพิจารณาปัจจัยต่าง ๆ ดังนี้
- ข้อมูลประชากรศาสตร์ : อายุ เพศ ที่อยู่อาศัย อาชีพ รายได้ของกลุ่มเป้าหมาย
- พฤติกรรมการใช้งาน TikTok : ความถี่ในการใช้งาน ช่วงเวลาที่ใช้งานบ่อย ประเภทเนื้อหาที่ชื่นชอบ
- ความสนใจและไลฟ์สไตล์ : งานอดิเรก กิจกรรมยามว่าง แนวเพลงที่ชอบฟัง
- ความท้าทายและปัญหาที่กลุ่มเป้าหมายเผชิญ : อุปสรรคในชีวิตประจำวัน ความกังวลต่าง ๆ
- เป้าหมายและความปรารถนา : สิ่งที่กลุ่มเป้าหมายต้องการบรรลุในชีวิต ความฝัน
- พฤติกรรมการซื้อ : กระบวนการตัดสินใจซื้อ และปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อการตัดสินใจ
- ทัศนคติต่อแบรนด์และผลิตภัณฑ์ : มุมมองที่มีต่อแบรนด์ และความคาดหวังจากสินค้าหรือบริการ
2. A - Assortment (ความหลากหลายของเนื้อหา)
องค์ประกอบที่สอง คือ การสร้างความหลากหลายในเนื้อหาที่นำเสนอ เนื่องจาก TikTok เป็นแพลตฟอร์มที่ผู้ใช้งานคาดหวังความแปลกใหม่และความหลากหลาย ดังนั้น แบรนด์จึงควรวางแผนการสร้างเนื้อหาที่มีความแตกต่างกันไป ทั้งในแง่ของรูปแบบ เนื้อหา และวิธีการนำเสนอ เพื่อดึงดูดความสนใจของผู้ชมอย่างต่อเนื่อง และเพิ่มโอกาสในการสร้างเนื้อหาที่อาจกลายเป็นไวรัล โดยอาจรวมถึง
- วิดีโอสาธิตการใช้ผลิตภัณฑ์
- เบื้องหลังการทำงานของแบรนด์
- การสร้างชาเลนจ์ (Challenge) หรือแคมเปญที่เชิญชวนให้ผู้ใช้มีส่วนร่วม
- เนื้อหาให้ความรู้เกี่ยวกับอุตสาหกรรมหรือผลิตภัณฑ์
- การร่วมมือกับอินฟลูเอนเซอร์หรือผู้มีอิทธิพลในวงการ
3. C - Content (คุณภาพของเนื้อหา)
ถัดมา คือการให้ความสำคัญกับคุณภาพของเนื้อหาที่ผลิต แม้ว่า TikTok จะเป็นแพลตฟอร์มที่เน้นความสั้นกระชับและความสร้างสรรค์ แต่คุณภาพของเนื้อหายังคงเป็นปัจจัยสำคัญในการสร้างความน่าเชื่อถือและดึงดูดผู้ชม โดยการสร้างเนื้อหาที่มีคุณภาพบน TikTok ควรคำนึงถึง
- ความคิดสร้างสรรค์และความแปลกใหม่
- การใช้เทคนิคการถ่ายทำและการตัดต่อที่น่าสนใจ
- การเลือกใช้เพลงหรือเสียงประกอบที่เหมาะสมและดึงดูดความสนใจ
- การสร้างเนื้อหาที่มีคุณค่าต่อผู้ชม ไม่ว่าจะเป็นการให้ความบันเทิง ให้ความรู้ หรือสร้างแรงบันดาลใจ
- การปรับใช้เทร็นด์และฟีเจอร์ล่าสุดของ TikTok อย่างชาญฉลาด
4. E - Empowerment (การเสริมสร้างการมีส่วนร่วม)
องค์ประกอบสุดท้ายของ PACE Framework คือ การสร้างโอกาสให้ผู้ใช้งานมีส่วนร่วมและรู้สึกเป็นส่วนหนึ่งของแบรนด์ เพราะ TikTok เป็นแพลตฟอร์มที่เน้นการมีส่วนร่วมและการสร้างชุมชน ดังนั้น การเปิดโอกาสให้ผู้ใช้งานได้แสดงออกและมีปฏิสัมพันธ์กับแบรนด์จึงเป็นสิ่งสำคัญ โดยสามารถใช้วิธีการดังต่อไปนี้
- การจัดแคมเปญที่เชิญชวนให้ผู้ใช้สร้างเนื้อหาของตนเองโดยใช้แฮชแท็กของแบรนด์
- การจัดการประกวดหรือชาเลนจ์ที่กระตุ้นให้เกิดการมีส่วนร่วม
- การเปิดโอกาสให้ผู้ใช้แสดงความคิดเห็นและให้ข้อเสนอแนะเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์หรือบริการ
- การสร้างชุมชนออนไลน์ที่ให้ผู้ใช้งานได้แลกเปลี่ยนประสบการณ์และความคิดเห็น
- การนำเสนอเนื้อหาที่ผู้ใช้งานสร้างขึ้น (User-Generated Content) บนช่องทางของแบรนด์
ตัวอย่างการประยุกต์ใช้ PACE Framework กับธุรกิจจริง
เพื่อให้เห็นภาพที่ชัดเจนยิ่งขึ้น เรามาดูตัวอย่างการประยุกต์ใช้ PACE Framework กับธุรกิจจริงกัน ! สมมติว่าเรามีแบรนด์เสื้อผ้าวัยรุ่นชื่อที่ต้องการสร้างการรับรู้และยอดขายผ่าน TikTok จะสามารถวางแผนการตลาดได้ดังนี้
Persona : นักศึกษามหาวิทยาลัยในกรุงเทพฯ ชื่นชอบการแต่งตัวตามเทร็นด์ ใช้ TikTok วันละ 2-3 ชั่วโมง โดยเฉพาะในช่วงเย็นหลังเลิกเรียน ชอบดูคอนเทนต์เกี่ยวกับแฟชั่น เคล็ดลับความงาม และไลฟ์สไตล์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ชอบแบรนด์ที่มีจุดยืนชัดเจนในเรื่องความยั่งยืน และมักจะตัดสินใจซื้อสินค้าจากรีวิวของอินฟลูเอนเซอร์ที่ตนเองติดตาม
- Assortment : นำเสนอเนื้อหาที่หลากหลาย เช่น วิดีโอสั้นแสดงการ Mix & Match เสื้อผ้าของแบรนด์ให้เข้ากับเทร็นด์ล่าสุด เบื้องหลังกระบวนการผลิตเสื้อผ้าที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม หรือวิดีโอสอนการ DIY และปรับแต่งเสื้อผ้าเก่าให้ดูใหม่และทันสมัย
- Content : เน้นการสร้างวิดีโอที่มีคุณภาพสูง ใช้เทคนิคการถ่ายทำและตัดต่อที่ทันสมัย และเลือกใช้เพลงประกอบที่กำลังเป็นที่นิยมในหมู่วัยรุ่น ตลอดจนร่วมมือกับอินฟลูเอนเซอร์ด้านแฟชั่นเพื่อสร้างเนื้อหาที่น่าสนใจ
- Empowerment : จัดแคมเปญเชิญชวนให้ผู้ใช้สร้างลุคของตนเองด้วยเสื้อผ้าของแบรนด์และแชร์วิดีโอลงบน TikTok โดยมีการมอบรางวัลสำหรับวิดีโอที่ได้รับความนิยมสูงสุด
ความสำเร็จของการใช้ PACE Framework นั้นขึ้นอยู่กับความเข้าใจอย่างลึกซึ้งในธรรมชาติของแพลตฟอร์ม TikTok ความคิดสร้างสรรค์ในการผลิตเนื้อหา และความสามารถในการปรับตัวให้เข้ากับเทร็นด์ที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว อย่างไรก็ตาม สิ่งสำคัญคือต้องตระหนักว่า PACE Framework ไม่ใช่สูตรสำเร็จตายตัว แต่เป็นแนวทางที่ยืดหยุ่นซึ่งแบรนด์ควรปรับให้เหมาะสมกับเป้าหมาย กลุ่มเป้าหมาย และอัตลักษณ์ของตนเอง เพื่อให้ธุรกิจออนไลน์ประสบความสำเร็จในระยะยาว