Marketing 6.0 คืออะไร มีอะไรที่ต้องอัปเดตบ้าง เช็กเลย !
ผู้ประกอบการที่สร้างธุรกิจมานานคงจะเห็นความเปลี่ยนแปลงของการตลาดมาหลายยุคสมัย ตั้งแต่ยุค Marketing 1.0 ที่เน้นสินค้าและบริการเป็นหลัก มาสู่ยุค Marketing 2.0 ที่ให้ความสำคัญกับผู้บริโภคเหนือสิ่งอื่นใด ตามด้วยยุค 3.0 ที่มุ่งเน้นคุณค่าและจิตวิญญาณของแบรนด์ ตลอดจนยุค 4.0 ที่เรียกได้ว่าเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่ เพราะมีการนำเทคโนโลยีและดิจิทัลมาปรับใช้กับการตลาดอย่างเต็มรูปแบบ และยุค 5.0 ที่เน้นการสร้างประสบการณ์ที่ดีและมีความหมายแก่ลูกค้า
กระทั่งปัจจุบัน เรากำลังจะก้าวสู่ยุค “Marketing 6.0” ซึ่งเป็นยุคแห่งการผสมผสานระหว่างมนุษย์และเทคโนโลยีอย่างลงตัว ผู้เชี่ยวชาญหลายคนเรียกยุคนี้ว่าเป็น การตลาดในยุคไร้เส้นแบ่ง (ระหว่างโลกออนไลน์และโลกความเป็นจริง) ในฐานะนักการตลาด เราจึงจำเป็นต้องรู้ว่ายุค Marketing 6.0 คืออะไร และมีอะไรที่ต้องเตรียมพร้อมก่อนเข้าสู่ยุคนี้อย่างเป็นทางการบ้าง
Marketing 6.0 คืออะไร ?
Marketing 6.0 คือ แนวคิดการตลาดที่เน้นการนำเทคโนโลยีมาผสมผสานเข้ากับความเป็นมนุษย์เพื่อสร้างประสบการณ์ที่ดีที่สุดแก่ลูกค้า ซึ่งมีจุดเริ่มต้นมาจากการที่เทคโนโลยีเริ่มมีบทบาทสำคัญในชีวิตประจำวันของผู้คนมากขึ้นเรื่อย ๆ แต่ในขณะเดียวกันก็มีความต้องการกลับคืนสู่ความเป็นมนุษย์ด้วย
ยุคการตลาด 6.0 จะให้ความสำคัญกับการใช้เทคโนโลยีอย่างชาญฉลาด เช่น ปัญญาประดิษฐ์ (AI) และการวิเคราะห์ข้อมูลขนาดใหญ่ (Big Data) เพื่อเข้าใจพฤติกรรมและความต้องการของลูกค้าอย่างลึกซึ้ง ทว่าก็ไม่ได้ละเลยการสร้างความสัมพันธ์และการมีปฏิสัมพันธ์แบบมนุษย์กับมนุษย์
5 สิ่งที่นักการตลาดต้องรู้เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับ Marketing 6.0
1. การผสมผสานระหว่างออฟไลน์และออนไลน์ (Phygital Marketing) ด้วย O2O Customer Data Platform
Phygital Marketing เป็นการผสมผสานระหว่างประสบการณ์ทางกายภาพ (Physical) และดิจิทัล (Digital) เพื่อสร้างประสบการณ์ที่ไร้รอยต่อให้กับลูกค้า ซึ่งในยุค Marketing 6.0 นักการตลาดจำเป็นต้องเข้าใจและใช้ประโยชน์จาก O2O (Online-to-Offline) Customer Data Platform อย่างมีประสิทธิภาพ โดยแพลตฟอร์มนี้จะช่วยให้คุณสามารถรวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูลลูกค้าจากทั้งช่องทางออนไลน์และออฟไลน์ ทำให้เข้าใจพฤติกรรมและความต้องการของลูกค้าได้อย่างครอบคลุม แล้วนำมาใช้ในการออกแบบกลยุทธ์การตลาดที่เชื่อมโยงประสบการณ์ทั้งสองโลกเข้าด้วยกัน เช่น การใช้ QR Code ในร้านค้าเพื่อให้ลูกค้าสแกนและรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับสินค้า หรือการใช้ Location-based Marketing เพื่อส่งข้อเสนอพิเศษให้กับลูกค้าที่อยู่ใกล้ ๆ พิกัดร้าน
2. การทำการตลาดเพื่อ Gen Z และ Alpha
Generation Z (ผู้ที่เกิดระหว่างปี 1997-2012) และ Generation Alpha (ผู้ที่เกิดตั้งแต่ปี 2013 เป็นต้นไป) เป็นกลุ่มเป้าหมายที่มีความสำคัญมากขึ้นในยุคการตลาด 6.0 เนื่องจากกลุ่มคนเหล่านี้เติบโตมาพร้อมกับเทคโนโลยีดิจิทัลและมีพฤติกรรมการบริโภคที่แตกต่างจากคนรุ่นก่อน โดยลักษณะเฉพาะของคนกลุ่มนี้ที่นักการตลาดต้องทำความเข้าใจ เช่น
- มีความสนใจในประเด็นทางสังคมและสิ่งแวดล้อม
- มีความสามารถในการใช้โซเชียลมีเดียและแพลตฟอร์มออนไลน์อย่างแพร่หลาย
- มีความต้องการมีส่วนร่วมและแสดงความเป็นตัวตน
- มีความคาดหวังในเรื่องความโปร่งใสและความจริงใจจากแบรนด์
ดังนั้น การทำการตลาดสำหรับกลุ่มเป้าหมายเหล่านี้จึงต้องเน้นการสร้างเนื้อหาที่มีความหมายและตรงประเด็น ไม่ว่าจะเป็นการใช้ Influencer Marketing อย่างมีกลยุทธ์ หรือการสร้างแคมเปญที่ส่งเสริมการมีส่วนร่วมและความคิดสร้างสรรค์ นอกจากนี้ การใช้แพลตฟอร์มใหม่ ๆ อย่าง TikTok หรือ Instagram Reels ก็เป็นสิ่งสำคัญในการเข้าถึงผู้บริโภคกลุ่มนี้เช่นกัน
3. ประสบการณ์กลายเป็นสินค้าหนึ่งของแบรนด์
Marketing 6.0 คือยุคที่ประสบการณ์ของลูกค้าจะไม่ใช่เพียงส่วนเสริมของสินค้าหรือบริการอีกต่อไป แต่กลายเป็นสินค้าหนึ่งที่แบรนด์ต้องให้ความสำคัญและพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ก่อนอื่น นักการตลาดต้องเข้าใจว่าทุกครั้งที่ลูกค้าจ่ายเงินให้เรา พวกเขาไม่ได้ซื้อแค่สินค้าหรือบริการเพียงอย่างเดียว แต่พวกเขากำลังซื้อประสบการณ์ทั้งหมดที่มาพร้อมกับแบรนด์ ซึ่งหากแบรนด์สามารถทำได้ดี ก็จะกลายเป็นประสบการณ์ที่น่าจดจำและมีคุณค่าอย่างยิ่งสำหรับลูกค้า อันจะนำไปสู่ความภักดีต่อแบรนด์ (Brand Loyalty) และการบอกต่อ (Word of Mouth)
ตัวอย่างของการสร้างประสบการณ์ที่เป็นสินค้าของแบรนด์ เช่น
- การจัดกิจกรรมหรือเวิร์กชอปที่เกี่ยวข้องกับสินค้าหรือบริการ
- การสร้างคอมมิวนิตีของลูกค้าเพื่อแลกเปลี่ยนประสบการณ์และความคิดเห็น
- การใช้เทคโนโลยี VR หรือ AR เพื่อสร้างประสบการณ์เสมือนจริงแก่ลูกค้า
- การออกแบบบรรจุภัณฑ์ที่สร้างประสบการณ์พิเศษในการเปิดและใช้งานสินค้า
4. ไม่ใช่แค่ Personalized Marketing แต่ต้อง Real-time Hyper Personalized Marketing
การทำ Personalized Marketing ไม่เพียงพออีกต่อไปในยุค Marketing 6.0 เพราะนักการตลาดต้องก้าวไปสู่ Real-time Hyper Personalized Marketing ซึ่งหมายถึงการนำเสนอเนื้อหา ข้อเสนอ หรือประสบการณ์ที่ปรับแต่งเฉพาะบุคคลในเวลาจริง ด้วยการอาศัยข้อมูลและเทคโนโลยีขั้นสูง กล่าวคือ เป็นการวิเคราะห์ข้อมูลขนาดใหญ่ (Big Data) ร่วมกับการใช้ปัญญาประดิษฐ์ (AI) และ Machine Learning เพื่อคาดการณ์ความต้องการและพฤติกรรมของลูกค้าแต่ละคนอย่างแม่นยำ
ตัวอย่างของ Real-time Hyper Personalized Marketing เช่น
- การแนะนำสินค้าที่เกี่ยวข้องบนเว็บไซต์ โดยอ้างอิงจากพฤติกรรมการบราวซิงในปัจจุบันของลูกค้า
- การส่งข้อความหรืออีเมลที่ปรับแต่งเนื้อหาตามสถานที่ เวลา และกิจกรรมปัจจุบันของลูกค้า
- การปรับเปลี่ยนราคาและโปรโมชันแบบ Dynamic Pricing ตามความต้องการและพฤติกรรมของลูกค้าแต่ละราย
- การใช้แชตบอตที่สามารถให้คำแนะนำและตอบคำถามได้อย่างเฉพาะเจาะจงสำหรับลูกค้าแต่ละคน
5. การพัฒนาทักษะด้านมนุษย์ควบคู่ไปกับทักษะด้านเทคโนโลยี ไม่ใช่โฟกัสแค่อย่างใดอย่างหนึ่ง
ในยุค Marketing 6.0 นักการตลาดต้องพัฒนาทั้งทักษะด้านมนุษย์ (Soft Skills) และทักษะด้านเทคโนโลยี (Hard Skills) ควบคู่กันไป เพื่อสร้างสมดุลระหว่างการใช้เทคโนโลยีและการสร้างความสัมพันธ์ที่มีความหมายกับลูกค้า
ตัวอย่างทักษะด้านมนุษย์ที่สำคัญต่อการทำธุรกิจ เช่น
- ความเข้าใจในพฤติกรรมและจิตวิทยาของผู้บริโภค
- ความคิดสร้างสรรค์และการแก้ปัญหาเชิงนวัตกรรม
- ทักษะการสื่อสารและการเล่าเรื่อง (Storytelling)
- ความเข้าใจในวัฒนธรรมและความหลากหลาย
- การทำงานเป็นทีมและการสร้างเครือข่าย
ตัวอย่างทักษะด้านเทคโนโลยีที่จำเป็น เช่น
- การวิเคราะห์ข้อมูลและ Data Science
- การใช้เครื่องมือ AI และ Machine Learning
- ความเข้าใจในเทคโนโลยี Blockchain และ NFTs
- การใช้งานแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียและเครื่องมือการตลาดดิจิทัล
- ความรู้เกี่ยวกับ UX/UI Design
การผสมผสานทักษะทั้งสองด้านจะช่วยให้นักการตลาดสามารถสร้างกลยุทธ์ที่มีประสิทธิภาพ โดยใช้เทคโนโลยีเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและความแม่นยำในการทำการตลาด และในขณะเดียวกันก็ยังคงรักษาความเป็นมนุษย์และสร้างความสัมพันธ์ที่แท้จริงกับลูกค้าเอาไว้ได้
อย่างที่รู้กันว่าอีกหนึ่งทักษะที่สำคัญของนักการตลาดคือความพร้อมในการเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ อยู่เสมอ แต่ในยุค Marketing 6.0 นี้ เรายิ่งต้องมีความยืดหยุ่นเป็นพิเศษ เพราะความเปลี่ยนแปลงของโลกนี้จะไม่ได้เกิดขึ้นแค่ปีละครั้งสองครั้ง หรือไตรมาสละครั้งอีกต่อไป ทว่าอาจเป็นทุกวันหรือทุกสัปดาห์เลยก็ได้ เพราะเมื่อโลกผสานความเป็นมนุษย์และเทคโนโลยีเข้าด้วยกันแล้ว อะไร ๆ ก็เกิดขึ้นได้ตลอดเวลา ดังนั้น การเข้าใจและนำเทคโนโลยีมาใช้อย่างชาญฉลาด ควบคู่ไปกับการให้ความสำคัญกับคุณค่าความเป็นมนุษย์ จะเป็นกุญแจสำคัญสู่การประสบความสำเร็จและสร้างความแตกต่างได้ในยุคการตลาด 6.0