< Back

การตลาด Omni-channel กับ O2O Marketing ต่างกันอย่างไร ?

MarketingBusiness
AD
โดย:Jenosize.com
share38share0

Omni-channel vs O2O Marketing กลยุทธ์ไหนคือคำตอบของคุณ ?


หากคุณเป็นแบรนด์ที่ต้องการจะสร้างความประทับใจและยกระดับประสบการณ์ของลูกค้า Omni-channel Marketing และ O2O Marketing” คือกลยุทธ์ที่คุณจำเป็นต้องทำความเข้าใจ เนื่องจากทั้งสองเทคนิคนี้เป็นพลังสำคัญที่จะช่วยผลักดันแบรนด์ในยุคดิจิทัลให้สามารถก้าวข้ามขีดจำกัดเดิม ๆ ด้วยศักยภาพที่ไม่ธรรมดา ซึ่งวันนี้ เราพร้อมพาคุณไปสำรวจความหมาย แนวทางการนำไปปรับใช้ที่มีประสิทธิภาพ ตลอดจนหาคำตอบกันชัด ๆ ว่า Omni-channel กับ O2O Marketing ต่างกันอย่างไร



นิยามที่คุณต้องรู้ Omni-channel Marketing และ O2O Marketing คืออะไร ?


ในโลกของการตลาดที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ทุกแบรนด์ที่อยากเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมต้องรู้จักและเข้าใจทั้ง Omni-channel Marketing และ O2O Marketing สองกลยุทธ์ที่กำลังมาแรงและเป็นที่พูดถึงในวงการธุรกิจทั่วโลก


Omni-channel Marketing คืออะไร ?

Omni-channel Marketing คือ “การตลาดแบบหลายช่องทาง” หรือการสร้างประสบการณ์ที่เชื่อมโยงและต่อเนื่องระหว่างทุกช่องทางที่ลูกค้าใช้ ไม่ว่าจะเป็นออนไลน์หรือออฟไลน์ โดยมีเป้าหมายหลักคือทำให้ลูกค้ารู้สึกว่ากำลังรับบริการจากแบรนด์เดียวกันในทุกที่ เช่น ลูกค้าเริ่มต้นค้นหาสินค้าบนเว็บไซต์ ซื้อผ่านแอปพลิเคชัน และสามารถเลือกรับสินค้าได้ที่ร้านค้าสาขาใกล้บ้าน


ตัวอย่างของการตลาด Omni-channel Marketing
  • Central Retail เมื่อคุณค้นหาสินค้าบนแอปฯ สามารถเช็กสต็อกสินค้าที่สาขาใกล้บ้านและจองไว้ล่วงหน้าได้เลย พร้อมรับส่วนลดพิเศษเฉพาะในแอปฯ
  • adidas จากโฆษณาบน Instagram ที่พาคุณไปยังเว็บไซต์ พร้อมโปรโมชันที่ดึงดูดให้ซื้อทันที และมีบริการคืนสินค้าที่ร้านใกล้บ้าน


O2O Marketing คืออะไร ?

Online-to-Offline Marketing หรือที่เรียกกันสั้น ๆ ว่า O2O Marketing คือ กลยุทธ์ที่เน้นการเชื่อมโยงลูกค้าจากช่องทางออนไลน์ไปยังออฟไลน์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการกระตุ้นให้ลูกค้าเข้ามาที่หน้าร้าน ตัวอย่างเช่น การใช้โฆษณาออนไลน์เพื่อดึงดูดลูกค้าให้มารับบริการพิเศษที่ร้าน หรือโปรโมชันที่ต้องใช้ QR Code เฉพาะการซื้อสินค้าที่หน้าร้านเท่านั้น


ตัวอย่างของกลยุทธ์ O2O Marketing
  • Grab โปรโมชันลดราคาค่าอาหารเมื่อสั่งผ่านแอปพลิเคชัน แต่ลูกค้าต้องเดินทางมารับสินค้าเองที่หน้าร้าน
  • Mercedes-Benz การใช้ VR showroom หรือโชว์รูมเสมือนจริง ให้ลูกค้าได้เลือกทดลองขับรถที่ชื่นชอบ ก่อนจะนัดหมายทดลองขับที่โชว์รูมจริง


Omni-channel กับ O2O Marketing ต่างกันอย่างไร ?


แม้ว่าทั้งสองกลยุทธ์จะมีเป้าหมายในการสร้างประสบการณ์ที่ดีขึ้นแก่ลูกค้าเหมือนกัน แต่สิ่งที่แตกต่างมีดังนี้


จุดโฟกัสของการตลาด Omni-channel Marketing

Omni-channel Marketing คือกลยุทธ์ที่เน้น “ความต่อเนื่อง” ไม่ว่าลูกค้าจะอยู่ในช่องทางไหน ประสบการณ์ต้องไร้รอยต่อ เช่น จากโฆษณาบนโซเชียลมีเดียสู่แอปพลิเคชัน จากแอปฯ สู่หน้าร้าน จากนั้นก็ต่อด้วยบริการหลังการขาย ซึ่งอาจวกกลับมาที่ออนไลน์อีกครั้ง โดยทุกช่องทางต้องทำงานร่วมกันอย่างกลมกลืน


จุดโฟกัสของกลยุทธ์ O2O Marketing

ในขณะที่กลยุทธ์ O2O จะเน้นที่การ “ดึงลูกค้าเข้าสู่ร้าน” เพื่อสร้างยอดขายและประสบการณ์แบบออฟไลน์เป็นหลัก โดยใช้การสื่อสารออนไลน์เป็นตัวกระตุ้น เช่น การมอบโปรโมชันพิเศษเมื่อซื้อในร้าน หรือจัดกิจกรรมพิเศษที่ลูกค้าต้องมาเข้าร่วมด้วยตัวเองที่หน้าร้าน

 

วิธีทำการตลาดแบบ Omni-channel และการนำกลยุทธ์ O2O ไปปรับใช้ในธุรกิจ


วิธีทำการตลาดแบบ Omni-channel
  • วิเคราะห์ Customer Journey สำรวจว่าลูกค้าเริ่มต้นค้นหาแบรนด์ของคุณอย่างไร และมักจะเปลี่ยนจากช่องทางใดไปยังช่องทางใดบ้าง
  • ผสานข้อมูล (Data Integration) โดยใช้ระบบ CRM ที่รวบรวมข้อมูลลูกค้าแบบครบวงจร เพื่อให้สามารถตอบสนองความต้องการได้ในทุกช่องทาง
  • เน้นการทำ Personalization หรือการสร้างประสบการณ์เฉพาะบุคคล เช่น ข้อเสนอพิเศษที่ส่งตรงถึงอีเมลลูกค้า โดยอ้างอิงจากข้อมูลพฤติกรรมการซื้อที่ผ่านมา


รวมกลยุทธ์ O2O Marketing ที่น่าสนใจ
  • ดึงดูดลูกค้าด้วยโปรโมชัน เช่น การใช้โฆษณาออนไลน์เพื่อเสนอส่วนลดที่ใช้ได้เฉพาะที่หน้าร้าน
  • คิดค้น Interactive Campaigns หรือกิจกรรมทางการตลาดที่ต้องเข้าร่วมที่หน้าร้านเท่านั้น เช่น การสะสมแต้มผ่านแอปฯ
  • สร้างประสบการณ์สุดพิเศษ เช่น การเปิดโอกาสให้ลูกค้าลองสินค้าที่หน้าร้านก่อนตัดสินใจซื้อ



ทำไมแบรนด์ไทยถึงควรใช้ทั้ง Omni-channel และ O2O Marketing ?


ในยุคที่ลูกค้าต้องการความสะดวกและประสบการณ์ที่ไร้รอยต่อ การเลือกใช้ทั้งการตลาด Omni-channel และกลยุทธ์ O2O Marketing จะช่วยเสริมศักยภาพของแบรนด์ให้สามารถก้าวขึ้นเป็นผู้นำในตลาดได้ไม่ยาก เนื่องจากการตลาดแบบหลายช่องทางอย่าง Omni-channel Marketing จะช่วยให้แบรนด์รักษาความสัมพันธ์กับลูกค้าได้ดีขึ้น ในขณะที่กลยุทธ์ O2O ก็จะช่วยเพิ่มโอกาสในการขายและสร้างความผูกพันผ่านประสบการณ์ออฟไลน์ที่น่าประทับใจ

 

Omni-channel Marketing และ O2O Marketing จึงไม่ใช่แค่เทร็นด์ แต่เป็นกลยุทธ์ที่แบรนด์ชั้นนำจำเป็นต้องนำมาปรับใช้ หากคุณต้องการประสบความสำเร็จในโลกของการตลาดสมัยใหม่ อย่ารอช้าที่จะลงทุนในการสร้างระบบที่เชื่อมโยงทุกช่องทาง และสร้างประสบการณ์ที่ดึงดูดลูกค้าทั้งออนไลน์และออฟไลน์ เพราะนี่คือกุญแจสำคัญที่จะพาแบรนด์ของคุณก้าวสู่ความเป็นผู้นำในโลกการตลาดดิจิทัลอย่างแท้จริง

Loading...

ร่วมเปิดกล่องโอกาส
แห่งอนาคตด้วยกัน

Contact

Brief Us

ง่ายและรวดเร็ว
เราจะติดต่อกลับภายใน 24 ชั่วโมง

facebook chat

คุยกับทีมฝ่ายขาย

ให้บริการ จันทร์ถึงศุกร์
9:00 น. - 19:00 น.

mobile

โทรติดต่อฝ่ายขาย

ให้บริการ จันทร์ถึงศุกร์
9:00 น. - 19:00 น.