Festive Marketing ปั้นแคมเปญสุดปัง ด้วยการตลาดช่วงเทศกาล
สำหรับคนทั่วไป ช่วงเทศกาลคือเวลาแห่งการเฉลิมฉลอง การใช้เวลาอยู่กับคนที่รัก และการเริ่มต้นสิ่งใหม่ ๆ แต่สำหรับแบรนด์ต่าง ๆ นี่คือโอกาสทองในการทำการตลาดเพื่อเพิ่มยอดขายให้พุ่งทะยานมากกว่าเดิม ! เคยสังเกตหรือไม่ว่า ทั้งแบรนด์ชั้นนำระดับโลกไปจนถึง SME เล็ก ๆ ก็ล้วนหันมาให้ความสำคัญกับกลยุทธ์ “Festive Marketing” หรือการทำการตลาดช่วงเทศกาล เพื่อคว้าหัวใจของลูกค้าในช่วงเวลาที่กระแสการจับจ่ายกำลังคึกคักที่สุด
Festive Marketing คืออะไร ?
Festive Marketing คือ กลยุทธ์การตลาดที่ใช้เทศกาลหรือวันหยุดเป็นจุดขายหลักในการกระตุ้นความสนใจของลูกค้า และเพิ่มยอดขายสินค้าให้ทะลุเป้า ไม่ว่าจะเป็นช่วงปีใหม่ วาเลนไทน์ สงกรานต์ ฮาโลวีน หรือแม้แต่เทศกาลช็อปปิงออนไลน์อย่างแคมเปญ Double Date และ Black Friday
การตลาดช่วงเทศกาล หรือที่เรียกอีกอย่างว่าการตลาดวันหยุดนี้ มุ่งเน้นการสร้างแคมเปญที่สอดคล้องกับอารมณ์และความรู้สึกของผู้บริโภคในช่วงเทศกาลนั้น ๆ โดยมีเป้าหมายหลักคือการกระตุ้นความสนใจ สร้างความต้องการ และสุดท้ายคือปิดการขายให้ได้มากที่สุดนั่นเอง
ทำไมการตลาดช่วงเทศกาลถึงใช้ได้ผล ?
ช่วงเทศกาลมักเป็นช่วงที่ผู้บริโภคมีอารมณ์ดี และยอมใช้จ่ายด้วยความเต็มใจ
ช่วงเทศกาล ถือเป็นช่วงเวลาพิเศษที่ผู้บริโภคมักมีอารมณ์ดี มีความสุข และมีแนวโน้มที่จะใช้จ่ายเงินมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการซื้อของขวัญ การเดินทาง หรือการสร้างประสบการณ์พิเศษ นักการตลาดสามารถใช้ประโยชน์จากอารมณ์เหล่านี้เพื่อกระตุ้นการซื้อสินค้าและบริการให้มากขึ้นได้
พฤติกรรม “FOMO” (Fear of Missing Out)
กลยุทธ์การใช้ Festive Marketing นั้น ใช้ประโยชน์จากความรู้สึก “กลัวพลาด” ของผู้บริโภค ด้วยการสร้างข้อเสนอพิเศษ ส่วนลดจำกัด หรือโปรโมชันเฉพาะช่วงเทศกาล ทำให้ลูกค้ารู้สึกว่าหากไม่ซื้อตอนนี้ จะพลาดโอกาสดี ๆ ไป
ผู้บริโภคมักวางแผนการซื้อของล่วงหน้าในช่วงเทศกาล
ผู้บริโภคส่วนใหญ่มักมีการวางแผนการซื้อสินค้าล่วงหน้าในช่วงเทศกาล โดยเฉพาะสำหรับของขวัญ ของที่ระลึก หรือการจัดงานเฉลิมฉลอง นี่จึงเป็นโอกาสทองสำหรับนักการตลาดในการนำเสนอสินค้าและบริการที่ตรงกับความต้องการของกลุ่มเป้าหมาย
กลยุทธ์การใช้ Festive Marketing ให้ปัง
รู้จักจังหวะทองของเทศกาล
การจับจังหวะที่เหมาะสมถือเป็นหัวใจสำคัญของเทคนิคการใช้ Festive Marketing ให้ประสบความสำเร็จเลยทีเดียว เพราะแต่ละเทศกาลก็จะมีช่วงเวลาและอารมณ์ที่แตกต่างกัน นักการตลาดจึงจำเป็นต้องเข้าใจและวางแผนล่วงหน้า เช่น
- สำหรับเทศกาลปีใหม่ ควรเริ่มวางแผนและสื่อสารตั้งแต่กลางเดือนธันวาคม
- วาเลนไทน์ ควรเริ่มทำการตลาดตั้งแต่ปลายเดือนมกราคม
- สงกรานต์ ควรเตรียมแคมเปญตั้งแต่เดือนมีนาคม
สร้างประสบการณ์ที่แตกต่าง
การสร้างประสบการณ์เฉพาะสำหรับลูกค้าในแต่ละเทศกาลจะช่วยสร้างความประทับใจและความทรงจำที่ดี โดยอาจทำได้หลายวิธี ไม่ว่าจะเป็น
- การออกแบบแพ็กเกจของขวัญพิเศษ
- การสร้างแคมเปญที่มีเรื่องราวและอารมณ์ร่วม
- การจัดกิจกรรมพิเศษหรือชาเลนจ์ที่น่าสนใจ
ใช้คอนเทนต์กระตุ้นความอยากซื้อ
คอนเทนต์การตลาดที่มีประสิทธิภาพก็เปรียบเสมือนเรื่องเล่าที่สามารถสร้างอารมณ์และกระตุ้นความต้องการของลูกค้าได้อย่างแนบเนียน โดยสิ่งที่แบรนด์ต้องทำไม่ใช่แค่เพียงการนำเสนอสินค้า แต่ยังต้องสร้างประสบการณ์และความรู้สึกร่วมกับผู้บริโภคให้ได้ด้วย เช่น
- วิดีโอสั้นที่มีอารมณ์และเรื่องราว
- ภาพถ่ายที่สวยงาม สามารถถ่ายทอดคุณค่าของสินค้าได้อย่างน่าประทับใจ
- เรื่องเล่าที่สร้างแรงบันดาลใจ ซึ่งเชื่อมโยงระหว่างผลิตภัณฑ์กับความฝันและเป้าหมายของลูกค้า
- รีวิวและคำแนะนำจากผู้ใช้จริง ที่สร้างความน่าเชื่อถือและไว้วางใจให้กับแบรนด์
อย่าลืมโปรโมชันที่ดึงดูดใจผู้บริโภค
การสร้างข้อเสนอที่น่าสนใจ ก็คือการออกแบบกลยุทธ์พิเศษที่จะดึงดูดความสนใจของผู้บริโภคนั่นเอง ซึ่งนอกจากจะมีการลดราคาสินค้าและบริการแล้ว ยังสามารถใช้วิธีอื่น ๆ ในการสร้างคุณค่าให้กับแบรนด์ได้อีก เช่น
- ของแถมพิเศษที่มีมูลค่าและความหมายต่อผู้ใช้
- การแบ่งชำระที่สะดวกและยืดหยุ่น เพื่อลดภาระทางการเงินของผู้บริโภค
- การรับประกันความพึงพอใจที่สร้างความมั่นใจให้กับลูกค้า
การวางแผนโปรโมตสินค้าช่วงเทศกาลแบบมือโปร
เตรียมแคมเปญล่วงหน้า
เริ่มจากการทำความเข้าใจอย่างลึกซึ้งถึงบริบทของเทศกาล อารมณ์ของผู้บริโภค และเป้าหมายทางธุรกิจ โดยกระบวนการนี้ประกอบไปด้วยขั้นตอนสำคัญหลายประการ ไม่ว่าจะเป็นการออกแบบคอนเทนต์ที่สร้างสรรค์ โดยคำนึงถึงอารมณ์และบริบทของเทศกาล หรือการกำหนดงบประมาณโฆษณาอย่างแม่นยำ โดยพิจารณาจากเป้าหมายทางธุรกิจและผลตอบแทนที่คาดหวัง เป็นต้น
เลือกช่องทางที่ใช่
แต่ละแพลตฟอร์มล้วนมีจุดแข็งและกลุ่มผู้ใช้งานที่แตกต่างกัน ดังนั้น จะไม่มีช่องทางไหนใช้แทนกันได้ นักการตลาดต้องวิเคราะห์ให้ดีว่าแบรนด์ของคุณเหมาะกับการใช้ช่องทางไหนมากที่สุด ดังนี้
- Facebook เหมาะสำหรับการโฆษณาแบบละเอียด สามารถเข้าถึงกลุ่มผู้ใช้ที่มีช่วงอายุหลากหลาย
- Instagram ดึงดูดผู้บริโภคได้ด้วยภาพและวิดีโอสวยงาม เหมาะสำหรับสินค้าที่ต้องการสร้างภาพลักษณ์
- TikTok เข้าถึงกลุ่มคนรุ่นใหม่ด้วยคอนเทนต์สร้างสรรค์และสนุกสนาน
- E-commerce ช่องทางขายตรงและสามารถติดตามผลลัพธ์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
วัดผลและปรับกลยุทธ์ ด้วยการใช้ KPI ที่ชัดเจน
การวัดผลและปรับกลยุทธ์ก็ไม่ต่างอะไรจากการใช้เข็มทิศมาช่วยนำทาง Marketing Journey ของคุณ ฉะนั้น การกำหนด KPI ต่าง ๆ เพื่อวัดผลจึงเป็นสิ่งสำคัญ เพราะตัวเลขเหล่านี้จะเป็นเครื่องมือที่ช่วยให้คุณเข้าใจพฤติกรรมและความต้องการของผู้บริโภคอย่างลึกซึ้ง รวมไปถึงยอดขาย อัตราการมีส่วนร่วม การคลิกโฆษณา และอัตราการแปลงสภาพเป็นลูกค้า ให้คุณสามารถปรับตัวและพัฒนากลยุทธ์อย่างต่อเนื่อง
วิธีเพิ่มยอดขายสินค้าในช่วงเทศกาลด้วยการตลาด Festive Marketing
ใช้ Influencer Marketing
Influencer Marketing คือ ตัวแทนในการสื่อสารแบรนด์ที่ค่อนข้างมีอิทธิพลต่อกลุ่มเป้าหมาย ซึ่งนอกจากแบรนด์จะต้องมองหาคนดังที่มีผู้ติดตามจำนวนมากแล้ว ยังต้องคำนึงถึงความน่าเชื่อถือของอินฟลูฯ คนนั้น ๆ ตลอดจนความเข้ากันได้กับแบรนด์ และความสามารถในการสร้างเนื้อหาที่มีความน่าสนใจด้วย
นำเสนอสินค้าแบบ Limited Edition
สินค้า Limited Edition หรือสินค้าที่มีจำนวนจำกัด สามารถช่วยสร้างความตื่นเต้นและความรู้สึกอยากเป็นเจ้าของได้ สิ่งที่แบรนด์ควรทำในช่วงเทศกาลจึงเป็นการออกแบบผลิตภัณฑ์พิเศษที่มีความเป็นเอกลักษณ์ และจะขายเฉพาะในช่วงดังกล่าวเท่านั้น หมดแล้วหมดเลย ไม่มีผลิตเพิ่ม เพื่อกระตุ้นให้ผู้บริโภครู้สึกว่าต้องได้มาครอบครอง จึงจะเป็นผู้ชนะท่ามกลางสมรภูมินักช็อป
ส่งดีลสุดพิเศษไปยังลูกค้าเก่าผ่านอีเมลหรือแอปพลิเคชัน เพื่อกระตุ้นการซื้อซ้ำ
ไม่ใช่แค่การหาลูกค้าใหม่เรื่อย ๆ เท่านั้น แต่การรักษาลูกค้าเก่าเอาไว้ให้อยุ่กับแบรนด์นาน ๆ ก็เป็นสิ่งที่ทุกธุรกิจไม่ควรละเลย ด้วยการส่งดีลสุดพิเศษผ่านช่องทางต่าง ๆ เพื่อกระตุ้นการซื้อซ้ำ แล้วยังเป็นการแสดงความห่วงใยต่อลูกค้า ทำให้พวกเขารู้ว่าคุณเห็นพวกเขาสำคัญแค่ไหน นอกจากนี้ การใช้โปรแกรมสะสมคะแนน หรือการมอบรางวัลพิเศษ ก็เป็นอีกหนึ่งเทคนิคการใช้ Festive Marketing ที่จะช่วยสร้างความรู้สึกผูกพันและความภักดีต่อแบรนด์ (Brand Loyalty) ได้เช่นกัน
ออกแบบแคมเปญเพื่อกระตุ้นให้ผู้บริโภคอยากแชร์
การออกแบบแคมเปญที่กระตุ้นการแชร์ สามารถทำได้โดยการสร้างเนื้อหาที่น่าสนใจ แปลกใหม่ และมีเอกลักษณ์ เพื่ทำให้ผู้บริโภครู้สึกอยากแบ่งปันและมีส่วนร่วมมากขึ้น สำหรับกลยุทธ์การตลาดช่วงเทศกาลที่ได้รับความนิยม เช่น การสร้างชาเลนจ์ที่เปิดโอกาสให้ผู้บริโภคได้เข้ามาแข่งขันกันเพื่อชิงรางวัล หรือกิจกรรมที่ให้รางวัลสำหรับการแชร์ ซึ่งมีส่วนช่วยในการขยายวงกว้างของการรับรู้ (Brand Awareness) ได้อย่างก้าวกระโดด
ในโลกการตลาดที่แข่งขันสูง การปรับตัวให้เข้ากับพฤติกรรมลูกค้าในช่วงเทศกาลคือสิ่งสำคัญ ซึ่งกลยุทธ์การใช้ Festive Marketing ที่สร้างสรรค์และตรงจุดจะช่วยแบรนด์ไม่เพียงเพิ่มยอดขาย แต่ยังสร้างความสัมพันธ์ระยะยาวกับลูกค้าอีกด้วย หากคุณพร้อมแล้วที่จะเปลี่ยนเทศกาลถัดไปให้เป็นเทศกาลของคุณ เริ่มต้นได้เลยวันนี้
Loading...