CriticGPT คืออะไร ? รู้จักฟีเจอร์ตรวจสอบ AI ที่พัฒนาโดย AI
เมื่อ AI ได้รับความนิยมมากขึ้นในปัจจุบัน ผู้คนต่างใช้เทคโนโลยีเหล่านี้เป็นส่วนหนึ่งของการทำงาน แต่ก็มีบางส่วนที่ยังเป็นกังวลว่าหุ่นยนต์ปัญญาประดิษฐ์จะทำงานบางอย่างได้ไม่มีประสิทธิภาพเท่ามนุษย์ เช่น งานด้านโปรแกรมมิง ซึ่งอาจมีความซ้ำซ้อนหรือความผิดพลาดได้ง่าย
ทว่าตอนนี้ OpenAI ได้คิดค้นเครื่องมือชื่อว่า “CriticGPT” ซึ่งเป็นโมเดลที่พัฒนามาจาก GPT-4 ได้รับการออกแบบมาเพื่อตรวจสอบและวิเคราะห์โคดที่ถูกสร้างขึ้นโดย ChatGPT ให้ผลลัพธ์มีความแม่นยำมากยิ่งขึ้น โดยผลการศึกษาของ OpenAI พบว่า การนำ CriticGPT มาช่วยงาน AI Trainer นั้น ทำให้ตรวจสอบข้อผิดพลาดได้ดีขึ้นถึง 63% เลยทีเดียว
รู้จัก CriticGPT คืออะไร ?
CriticGPT คือ ระบบ AI ที่ถูกพัฒนาขึ้นมาเพื่อทำหน้าที่ตรวจสอบและระบุข้อผิดพลาดที่อาจเกิดขึ้นในโคด รวมถึงให้คำแนะนำในการปรับปรุงคุณภาพของโคด โดยใช้เทคโนโลยี Machine Learning และ Natural Language Processing เพื่อวิเคราะห์โครงสร้างและตรรกะของโคด ทำให้สามารถระบุปัญหาด้านประสิทธิภาพ ความปลอดภัย และการออกแบบได้อย่างแม่นยำ
นอกจากจะชี้ให้เห็นถึงข้อบกพร่องแล้ว CriticGPT ยังเสนอแนะวิธีการแก้ไขที่เป็นรูปธรรม พร้อมอธิบายเหตุผลประกอบ ช่วยให้นักพัฒนาได้เรียนรู้และพัฒนาทักษะการเขียนโคดอย่างต่อเนื่อง ทั้งยังสามารถปรับให้เข้ากับมาตรฐานการเขียนโคดเฉพาะของแต่ละองค์กรได้ ทำให้ CriticGPT กลายเป็นเครื่องมือที่มีประโยชน์อย่างมากในการพัฒนาซอฟต์แวร์ที่มีคุณภาพสูงและมีความน่าเชื่อถือ
ประโยชน์ของ CriticGPT มีอะไรบ้าง ?
ลดเวลาในการตรวจสอบโคด
CriticGPT สามารถวิเคราะห์โคดจำนวนมากได้ในเวลาอันสั้น ทั้งยังระบุปัญหาที่ซ่อนอยู่ได้อย่างแม่นยำ ทำให้ประหยัดเวลาในการตรวจสอบโคด ไม่ต้องมานั่งเช็กเองทีละตัว นอกจากนี้ เครื่องมือดังกล่าวยังสามารถตรวจสอบโคดได้หลากหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นรูปแบบการเขียนโคด (Style Guide) การตรวจสอบความปลอดภัย (Security Vulnerabilities) หรือการตรวจสอบประสิทธิภาพ (Performance Bottlenecks) ก็สามารถทำได้ทั้งหมด
ทำให้ซอฟต์แวร์มีความปลอดภัยมากขึ้น
CriticGPT ช่วยให้นักพัฒนาทราบถึงช่องโหว่ด้านความปลอดภัยที่อาจเกิดขึ้นได้ก่อนที่จะนำไปใช้งานจริง ลดความเสี่ยงในการถูกโจมตีทางไซเบอร์ ทั้งยังสามารถช่วยให้นักพัฒนาปฏิบัติตามมาตรฐานความปลอดภัยต่าง ๆ ได้อย่างสอดคล้อง เช่น OWASP Top 10
เพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน
ด้วยฟีเจอร์ที่สามารถให้คำแนะนำเกี่ยวกับการปรับปรุงโคด ไปจนถึงการใช้ฟังก์ชันที่เหมาะสม ทำให้ผลลัพธ์ที่ได้จาก CriticGPT มีประสิทธิภาพมากขึ้น นอกจากนี้ การตรวจพบและแก้ไขปัญหาตั้งแต่เนิ่น ๆ ยังช่วยลดจำนวนบั๊กที่เกิดขึ้นในระหว่างการพัฒนาและหลังจากการเปิดตัวซอฟต์แวร์ ทำให้ลดต้นทุนในการแก้ไขปัญหาภายหลังได้
ลดความผิดพลาดในการทำงาน
CriticGPT สามารถตรวจจับข้อผิดพลาดทั้งทางไวยากรณ์ (Syntax Errors) และทางตรรกะ (Logical Errors) ได้อย่างแม่นยำ ซึ่งเมื่อพบจุดที่ผิดพลาด ระบบก็จะให้คำแนะนำเกี่ยวกับวิธีการแก้ไขปัญหาทันที ทำให้นักพัฒนาสามารถจัดการอุปสรรคต่าง ๆ ได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ
ข้อจำกัดของ CriticGPT ที่นักพัฒนาควรรู้
ยังไม่สามารถให้คำตอบแบบอธิบายยาว ๆ ได้
CriticGPT มักจะให้คำตอบที่สั้นและกระชับ ซึ่งอาจทำให้เข้าใจถึงสาเหตุของปัญหาและวิธีการแก้ไขได้ยากขึ้นในกรณีที่โคดมีความซับซ้อนสูง
ยังไม่สามารถแทนที่มนุษย์และลดข้อผิดพลาดได้ 100%
แม้ว่า CriticGPT จะช่วยลดจำนวนข้อผิดพลาดได้จริง แต่ก็ต้องยอมรับว่ายังไม่สามารถตรวจพบและแก้ไขข้อผิดพลาดได้ทั้งหมด โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกรณีที่ข้อผิดพลาดมีความซับซ้อนหรือมีรูปแบบที่ไม่เคยพบมาก่อน ดังนั้น นักพัฒนาจึงยังคงต้องมีส่วนร่วมในการตรวจสอบและแก้ไขโคดอย่างละเอียด
การตอบสั้น อาจนำมาซึ่งการระบุข้อผิดพลาดได้ไม่ครบถ้วน
อย่างที่บอกว่า CriticGPT มักจะให้คำตอบที่สั้นและกระชับ ทำให้บางครั้งอาจพลาดการระบุข้อผิดพลาดบางประเภทที่ซ่อนอยู่ หรือข้อผิดพลาดที่เกี่ยวข้องกับบริบทโดยรอบไป
ยังไม่สามารถวิเคราะห์งานที่มีความซับซ้อนได้
CriticGPT อาจมีปัญหาในการวิเคราะห์โคดที่มีความซับซ้อนสูง เช่น โคดที่ใช้ภาษาโปรแกรมที่ไม่ค่อยเป็นที่นิยม หรือโคดที่เกี่ยวข้องกับโดเมนเฉพาะ (Domain-specific) ซึ่งต้องการความรู้และประสบการณ์เฉพาะทางจากนักพัฒนาที่เป็นมนุษย์
อย่างไรก็ตาม CriticGPT ถือเป็นเครื่องมือที่มีศักยภาพพอประมาณในการช่วยนักพัฒนาซอฟต์แวร์ตรวจสอบและปรับปรุงคุณภาพของโคดที่สร้างขึ้นโดย ChatGPT ด้วยความสามารถในการวิเคราะห์โคดและการให้คำแนะนำที่มีประโยชน์ CriticGPT จึงเป็นตัวช่วยสำคัญที่จะทำให้กระบวนการพัฒนาซอฟต์แวร์มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้นไม่มากก็น้อย
ทั้งนี้ อย่าลืมว่า CriticGPT ไม่ได้มาแทนที่ความเชี่ยวชาญของนักพัฒนา แต่เป็นเครื่องมือที่ช่วยเสริมและสนับสนุนการทำงานให้ดียิ่งขึ้น ดังนั้น นักพัฒนาจึงควรใช้ CriticGPT ควบคู่ไปกับความรู้และประสบการณ์ของตนเองเพื่อสร้างซอฟต์แวร์ที่มีคุณภาพสูงและตอบโจทย์ความต้องการของผู้ใช้งานได้อย่างแท้จริง