เมื่อโลกมี AI ดมกลิ่นได้ ! จะมีประโยชน์ต่ออุตสาหกรรมใดบ้าง

เมื่อ AI ดมกลิ่นได้แล้ว อุตสาหกรรมใดจะได้ประโยชน์มากที่สุด ?

ยุคนี้ เชื่อว่าคงไม่มีใครไม่รู้จักหรือไม่เคยลองใช้ปัญญาประดิษฐ์ (AI) เพราะปัจจุบัน เทคโนโลยีเหล่านี้ได้กลายมาเป็นสิ่งที่ช่วยอำนวยความสะดวกสบายในการดำรงชีวิตหลายด้าน รวมถึงหลาย ๆ อุตสาหกรรมที่จำเป็นต้องใช้ AI ในการเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินงาน ซึ่งที่ผ่านมา เรามักจะรู้จัก AI ในรูปแบบของแชตบอต (Chatbot) อย่าง ChatGPT, Bard, Claude ฯลฯ แต่วันนี้ มีอีกหนึ่งความสามารถที่เราอาจไม่เคยคิดว่า AI จะทำได้ นั่นคือ “การดมกลิ่น” ที่กำลังกลายเป็นความจริงและมีศักยภาพพอที่จะเปลี่ยนแปลงอุตสาหกรรมจำนวนมาก !

รู้จัก AI ดมกลิ่นได้

AI ดมกลิ่น หรือ AI ตรวจจับกลิ่น เป็นนวัตกรรมที่มีจุดเริ่มต้นมาจากความพยายามในการพัฒนาเครื่องมือตรวจจับโรค COVID-19 ผ่านการวิเคราะห์ลมหายใจของผู้ป่วย โดย Alex Wiltschko นักวิจัยจาก Google เป็นหนึ่งในผู้บุกเบิกเทคโนโลยีนี้ ด้วยความหลงใหลในศาสตร์แห่งกลิ่น เขาได้ก่อตั้งบริษัท Osmo เพื่อพัฒนา AI ที่สามารถสร้างและรับรู้กลิ่นได้เหมือนมนุษย์ โดยมีเป้าหมายสูงสุดคือการพัฒนาคุณภาพชีวิตและความสุขของมนุษย์ผ่านเทคโนโลยีดิจิทัลด้านกลิ่น

เทคโนโลยีที่อยู่เบื้องหลัง AI ดมกลิ่น

เทคโนโลยีที่มีความสำคัญต่อการทำงานของ AI ตรวจจับกลิ่น มีชื่อว่า “Principal Odor Map” ซึ่งใช้ Machine Learning ในการวิเคราะห์โครงสร้างโมเลกุลของสารที่มีกลิ่น โดยนักวิจัยได้รวบรวมข้อมูลโมเลกุลนับพันชนิด พร้อมคำอธิบายลักษณะกลิ่นจากผู้เชี่ยวชาญ เพื่อสร้างฐานข้อมูลขนาดใหญ่

ทั้งนี้ การพัฒนา AI ดมกลิ่นต้องเผชิญกับความท้าทายหลายประการ เนื่องจากโครงสร้างโมเลกุลที่ซับซ้อน การเปลี่ยนแปลงเพียงเล็กน้อยในโครงสร้างอาจส่งผลให้กลิ่นเปลี่ยนแปลงอย่างมาก นักวิจัยจึงต้องใช้เทคนิคการเรียนรู้เชิงลึก (Deep Learning) และโครงข่ายประสาทเทียมแบบกราฟ (Graph Neural Networks) เพื่อให้ AI สามารถเข้าใจความสัมพันธ์ระหว่างโครงสร้างโมเลกุลและลักษณะกลิ่นได้อย่างลึกซึ้ง

ความก้าวหน้าในการพัฒนา AI ตรวจจับกลิ่นนี้เปิดโอกาสให้เกิดการประยุกต์ใช้ในหลายด้าน ตั้งแต่การสร้างกลิ่นใหม่ ๆ สำหรับผลิตภัณฑ์ ไปจนถึงการวินิจฉัยโรคในระยะเริ่มต้น นอกจากนี้ ยังมีแนวคิดในการพัฒนาเทคโนโลยีที่สามารถส่งผ่านกลิ่นในรูปแบบดิจิทัล ซึ่งอาจนำไปสู่การสร้างประสบการณ์เสมือนจริงที่สมบูรณ์แบบยิ่งขึ้นได้ในอนาคต

AI ตรวจจับกลิ่นจะมีประโยชน์ต่ออุตสาหกรรมใดบ้าง ?

อุตสาหกรรมน้ำหอมและเครื่องสำอาง

AI ดมกลิ่นสามารถปฏิวัติการพัฒนาน้ำหอมและผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางได้อย่างมาก กล่าวคือ สามารถช่วยในการสร้างสรรค์กลิ่นใหม่ ๆ ที่ตอบโจทย์ผู้บริโภคได้แม่นยำยิ่งขึ้น นอกจากนี้ ยังช่วยลดเวลาและต้นทุนในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ โดยสามารถทำนายกลิ่นของโมเลกุลต่าง ๆ ได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำ

อุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่ม

AI ตรวจจับกลิ่นสามารถช่วยในการพัฒนารสชาติและกลิ่นของอาหารและเครื่องดื่มให้ตรงกับความต้องการของผู้บริโภคมากขึ้น นอกจากนี้ ยังสามารถใช้ในการควบคุมคุณภาพ โดยตรวจสอบความสดใหม่ของวัตถุดิบและผลิตภัณฑ์ได้อย่างแม่นยำ

อุตสาหกรรมการแพทย์และสาธารณสุข

หนึ่งในเป้าหมายสำคัญของ AI ดมกลิ่นคือการใช้ในการวินิจฉัยโรคตั้งแต่ระยะเริ่มต้น โดยการวิเคราะห์กลิ่นจากลมหายใจหรือของเหลวในร่างกาย ซึ่งอาจช่วยในการตรวจพบโรคมะเร็ง โรคติดเชื้อ หรือโรคทางระบบประสาทได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำมากขึ้น

อุตสาหกรรมการเกษตรและปศุสัตว์

AI ดมกลิ่นสามารถใช้ในการตรวจสอบคุณภาพของผลผลิตทางการเกษตร ตรวจจับโรคในพืชและสัตว์ รวมถึงการควบคุมกระบวนการหมักในอุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่ม เพื่อให้ผลิตภัณฑ์มีคุณภาพ และลดความเสี่ยงในการเกิดความผิดพลาดระหว่างกระบวนการทำงานได้

อุตสาหกรรมสิ่งแวดล้อม

ในโลกปัจจุบันที่ปัญหาสิ่งแวดล้อมกำลังทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ เราก็จะมี AI ตรวจจับกลิ่นที่สามารถใช้ในการตรวจจับมลพิษทางอากาศ การรั่วไหลของก๊าซพิษ หรือการปนเปื้อนในแหล่งน้ำ ซึ่งจะช่วยในการป้องกันและแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อมได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

อุตสาหกรรมความปลอดภัยและการรักษาความมั่นคง

AI ดมกลิ่นสามารถใช้ในการตรวจจับวัตถุระเบิด ยาเสพติด หรือสารอันตรายอื่น ๆ ในสนามบิน ด่านตรวจ หรือสถานที่สำคัญ ซึ่งจะช่วยเพิ่มความปลอดภัยให้กับสังคมโดยรวม

AI ตรวจจับกลิ่นเป็นนวัตกรรมที่มีศักยภาพในการเปลี่ยนแปลงหลายอุตสาหกรรมและพัฒนาคุณภาพชีวิตของมนุษย์ ตั้งแต่การช่วยวินิจฉัยโรคตั้งแต่ระยะเริ่มต้น ไปจนถึงการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ ที่ตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคได้ดียิ่งขึ้น แม้จะยังมีความท้าทายหลายประการ แต่ด้วยการพัฒนาอย่างต่อเนื่องและความร่วมมือจากหลายภาคส่วน เราอาจได้เห็นการใช้งาน AI ดมกลิ่นอย่างแพร่หลายในอนาคตอันใกล้ เช่น การใช้แอปพลิเคชันบนสมาร์ตโฟนเพื่อตรวจสอบคุณภาพอาหาร การใช้อุปกรณ์สวมใส่เพื่อติดตามสุขภาพผ่านการวิเคราะห์กลิ่นจากเหงื่อ หรือแม้แต่การใช้ระบบปรับอากาศอัจฉริยะที่สามารถปรับกลิ่นในบ้านให้เหมาะสมกับอารมณ์และความต้องการของผู้อยู่อาศัย ซึ่งจะช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตและสร้างโอกาสใหม่ ๆ ในหลากหลายอุตสาหกรรม